MV

MV

ปาน

วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

แผนที่


ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น

อาหารเหนือ


เครื่องปรุงหมูเนื้อแดง 1 กิโลกรัมหมูสามชั้น 500 กรัมไส้หมูไส้เล็ก 500 กรัมใบมะกรูดหั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะซีอิ้วดำ 1 ช้อนโต๊ะน้ำ ½ ถ้วยน้ำมันสำหรับทอด 1 ขวดเครื่องแกงพริกแห้งแช่น้ำ 5 เม็ดกระเทียม 5 หัวเกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะกะปิ 1 ช้อนชาหอมแดงหั่นหยาบ 7 หัวตะไคร้หั่นฝอย 5 ต้นผิวมะกรูดหั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะโขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
วิธีทำ1. ล้างเนื้อหมู และหมูสามชั้น แล้วสับหยาบๆ เคล้าหมูกับซีอิ้วดำ ซีอิ้วขาว น้ำปลา เครื่องแกง เคล้าให้เข้ากัน โรยใบมะกรูด ใส่น้ำ เคล้าให้ทั่ว2. ใช้เชือกหรือด้าย ผูกปลายไส้หมูด้านหนึ่ง ใช้กรวยด้ามช้อน สังกะสี ถ่างปากไส้ส่วนปลายอกด้านหนึ่ง ตักหมูที่ผสมกรอกลงในไส้ ใช้มือค่อยๆบีบไส้ ไล่ลงมาส่วนปลายที่ผูกไว้ อย่าให้แน่นมากเพราะเมื่อทอดจะแตก เมื่อกรอกเต็มแล้ว ผูกให้แน่น 3. ใช้ส้อมหรือไม้แหลมจิ้มไส้ เพื่อไล่อากาศก่อนทอด4. ใส่น้ำมันลงในกระทะก้นลึก ใช้ไฟกลาง พอน้ำมันเริ่มร้อน ใส่ไส้อั่วลงทอด ขณะที่ทอดใช้ไม้แหลม ไล่อากาศเมื่อไส้ตึงตัว มิฉะนั้นไส้จะแตกได้ ทอดจนสุกเหลือง ตักออกวางบนตะแกรง ถ้าต้องการให้เหลืองหอม และไส้กรอกแห้ง ให้อบไฟ 350 องศา ฟาเรนไฮต์ อีกประมาณ 30 นาที จะได้ไส้กรอกหอมเหลือง แห้ง ไม่ชุ่มน้ำมัน5. รับประทานกับขิงดอง แตงดอง ใช้เป็นอาหารเมื่อใดก็ได้ หรือใช้เป็นอาหารเดินทางไกล อาหารกล่อง ไม่เสียรสชาติ

แหล่งที่มา
http://www.phangan.ac.th/homepage/nongor/n2.htm

อาหารเหนือ


เครื่องปรุงหมูสามชั้น 100 กรัมเนื้อไก่ 100 กรัมมะเขือพวง 1/2 ถ้วยมะเขือเปราะ 1/2 ถ้วยมะเขือยาว 1 ลูกถั่วฝักยาว 6 ฝักตำลึงเด็ดใบอ่อน 2 ถ้วยหน่อไม้เปรี้ยว 300 กรัมผักชีฝรั่งหั่นหยาบ ¼ ถ้วยผักชี ต้นหอม หั่นหยาบ อย่างละ 1 ต้นพริกขี้หนูทอด 10 เม็ดแตงกวา 5 ลูกวุ้นเส้นแช่น้ำตัดสั้น ½ ถ้วยสะระแหน่เด็ดเป็นใบ ¼ ถ้วยใบโหระพา 1 กิ่งน้ำมัน ¼ ถ้วย
เครื่องแกงพริกแห้งแช่น้ำ 5 เม็ดหอมแดงซอย 3 ช้อนโต๊ะเกลือป่น 2 ช้อนชากระเทียมซอย 2 ช้อนโต๊ะตะไคร้หั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะกะปิ 1 ช้อนชาโขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด
วิธีทำ1. ล้างหมู ไก่ หั่นชิ้นบาง ล้างมะเขือพวง มะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว และมะเขือยาว หั่นถั่วฝักยาวเป็นท่อน ½ นิ้ว แล้วจึงผ่าครึ่ง มะเขือเปราะผ่าสี่2. ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่เครื่องแกงผัดให้หอม ใส่หมู ไก่ ผัดให้เข้ากัน ใส่หน่อไม้เปรี้ยว ใช้ไฟอ่อน เคี่ยวสักครู่ ใส่วุ้นเส้นผัดให้เข้ากัน3. ใส่มะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว มะเขือยาว มะเขือพวง คนให้เข้ากัน ใส่ตำลึง ผัดต่อ ใส่ผักชี ต้นหอม ผักชีฝรั่ง ผัดให้ทั่ว4. จัดใส่จาน โรยใบสะระแหน่ วางพริกขี้หนูทอดด้านข้าง รับประทานกับใบโหระพา แตงกวาหั่นเป็นแว่นแหล่งที่มาhttp://www.phangan.ac.th/homepage/nongor/n1.htm

วิธีป้องกันและควบคุมไข้หวัด 2009


ปัจจุบันการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช1 เอ็น1) กำลังขยายตัวไปทั่วโลก และขณะนี้ประเทศไทยพบการระบาดภายในประเทศแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานศึกษา และสถานประกอบการ ซึ่งอาจแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้มีอาการคล้ายกันกับไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ธรรมดา ส่วนใหญ่มีอาการน้อยและหายได้โดยไม่ต้องรับการรักษาที่โรงพยาบาล

สำหรับผู้ป่วยจำนวนไม่มากในต่างประเทศที่เสียชีวิต มักเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคปอด หอบหืด โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน เป็นต้น ผู้มีภูมิต้านทานต่ำ โรคอ้วน ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และหญิงมีครรภ์

สำหรับวิธีการติดต่อและวิธีการป้องกันโรค จะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ธรรมดา กระทรวงสาธารณสุข จึงขอให้คำแนะนำในการป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช1 เอ็น1) ดังต่อไปนี้

คำแนะนำสำหรับประชาชนทั่วไป

1. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ

2. ไม่ใช้แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อนอาหาร ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ร่วมกับผู้อื่น

3. ไม่ควรคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัด

4. รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ด้วยการกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ดื่มน้ำมากๆ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

5. ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัดและอากาศถ่ายเทไม่ดีเป็นเวลานาน โดยไม่จำเป็น

6. ติดตามคำแนะนำอื่นๆ ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด

คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่

1. หากมีอาการป่วยไม่รุนแรง เช่น ไข้ไม่สูง ไม่ซึม และรับประทานอาหารได้ สามารถรักษาตามอาการด้วยตนเองที่บ้านได้ ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล ควรใช้พาราเซตามอลเพื่อลดไข้ (ห้ามใช้ยาแอสไพริน) นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำมากๆ

2. ควรหยุดเรียน หยุดงาน จนกว่าจะหายเป็นปกติ และหลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิด หรือใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น

3. สวมหน้ากากอนามัยเมื่อจำเป็นต้องอยู่กับผู้อื่น หรือใช้กระดาษทิชชู ผ้าเช็ดหน้า ปิดปากและจมูกทุกครั้งที่ไอ จาม

4. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ โดยเฉพาะหลังการไอ จาม

5. หากมีอาการรุนแรง เช่น หายใจลำบาก หอบเหนื่อย อาเจียนมาก ซึม ควรรีบไปพบแพทย์

คำแนะนำสำหรับสถานศึกษา

1. แนะนำให้นักเรียนที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ พักรักษาตัวที่บ้านหรือหอพัก หากมีอาการป่วยรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์

2. ตรวจสอบจำนวนนักเรียนที่ขาดเรียนในแต่ละวัน หากพบขาดเรียนผิดปกติ หรือตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปในห้องเรียนเดียวกัน และสงสัยว่าป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อสอบสวนและควบคุมโรค

3. แนะนำให้นักเรียนที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ เฝ้าสังเกตอาการของตนเองเป็นเวลา 7 วัน ถ้ามีอาการป่วยให้หยุดพักรักษาตัวที่บ้าน

4. หากสถานศึกษาสามารถให้นักเรียนที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ทุกคนหยุดเรียนได้ ก็จะป้องกันการแพร่กระจายเชื้อได้ดี และไม่จำเป็นต้องปิดสถานศึกษา แต่หากจะพิจารณาปิดสถานศึกษา ควรหารือร่วมกันระหว่างสถานศึกษากับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่

5. ควรทำความสะอาดอุปกรณ์ สิ่งของ เครื่องใช้ที่มีผู้สัมผัสจำนวนมาก เช่น โต๊ะเรียน ลูกบิดประตู โทรศัพท์ ราวบันได คอมพิวเตอร์ ฯลฯ โดยการใช้น้ำผงซักฟอกเช็ดทำความสะอาดอย่างน้อยวันละ 1 - 2 ครั้ง จัดให้มีอ่างล้างมือ น้ำและสบู่อย่างเพียงพอ ในบางวันควรเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และแสงแดดส่องได้ทั่วถึง

คำแนะนำสำหรับสถานประกอบการและสถานที่ทำงาน

1. แนะนำให้พนักงานที่มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ พักรักษาตัวที่บ้าน หากมีอาการป่วยรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์

2. ตรวจสอบจำนวนพนักงานที่ขาดงานในแต่ละวัน หากพบขาดงานผิดปกติ หรือตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปในแผนกเดียวกัน และสงสัยว่าป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อสอบสวนและควบคุมโรค

3. แนะนำให้พนักงานที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ เฝ้าสังเกตอาการของตนเองเป็นเวลา 7 วัน ถ้ามีอาการป่วยให้หยุดพักรักษาตัวที่บ้าน

4. ในสถานการณ์ปัจจุบัน ยังไม่แนะนำให้ปิดสถานประกอบการหรือสถานที่ทำงาน เพื่อการป้องกันการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่

5. ควรทำความสะอาดอุปกรณ์ สิ่งของ เครื่องใช้ ที่มีผู้สัมผัสจำนวนมาก เช่น โต๊ะทำงาน ลูกบิดประตู โทรศัพท์ ราวบันได คอมพิวเตอร์ ฯลฯ โดยการใช้น้ำผงซักฟอกทั่วไปเช็ดทำความสะอาดอย่างน้อยวันละ 1 - 2 ครั้ง จัดให้มีอ่างล้างมือ น้ำและสบู่อย่างเพียงพอ ในบางวันควรเปิดประตู หน้าต่างให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และแสงแดดส่องได้ทั่วถึง

6. ควรจัดทำแผนการประคองกิจการในสถานประกอบการและสถานที่ทำงาน เพื่อให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง หากเกิดการระบาดใหญ่ (ดูรายละเอียดในเว็บไซต์ของสำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค http://beid.ddc.moph.go.th)

แหล่งข้อมูลการติดต่อ เพื่อปรึกษากับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่

1. กรุงเทพมหานคร ติดต่อได้ที่ กองควบคุมโรค สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร โทรศัพท์ 0-2245-8106 , 0-2246-0358 และ 0-2354-1836

2. ต่างจังหวัด ติดต่อได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง

ติดตามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข www.moph.go.th และหากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์ปฏิบัติการ กรมควบคุมโรค หมายเลขโทรศัพท์ 0-2590-3333 และศูนย์บริการข้อมูลฮอตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข หมายเลขโทรศัพท์ 0-2590-1994 ตลอด 24 ชั่วโมง